ช่างตัดผมเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่อยู่คู่คนเรามานานรวมทั้งตลอดพวกเราจะพบกับผู้ที่มีอาชีพนี้ตั้งแต่พวกเรายังเด็กจนกระทั่งพวกเราแก่เลยคะนะครับจะบอกให้เนื่องจากว่าเป็นอาชีพที่ไม่ตกสมัยแน่ๆอยู่คู่สังคมมาตลอด
เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าดึงดูดเอามากๆแม้กระนั้นดังนี้ช่างตัดผมก็จะแยกออกไปได้อีก 2 กิ้งก้านครับผมเป็น ช่างตัดผมชายรวมทั้งช่างตัดผมหญิงโดยผู้ใดกันที่มีวิชาชีพตัวนี้นั้นจะเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยตัวเองก็ได้หรือจะเป็นผู้รับจ้างเพื่อไปรับประทาน % ตามร้านค้าก็ได้ครับผมเมื่อก่อนที่คุณจะไปถึงจุดนั้นได้เนี่ยคุณก็จำเป็นต้องมีการศึกษากันก่อนและก็วันนี้พวกเราก็มีหลักสูตรมาชี้แนะสำหรับคนใดที่คิดต้องการทำความเข้าใจทางด้านศาสตร์ของการตัดผมครับผม
หลักสูตรแรกที่คุณควรรู้ดีว่ามีหลักสูตรเปิดสอนครับเป็น เรียนกับศูนย์ฝึกหัดอาชีพของรัฐ
หลักสูตรของทางเมืองนั้นเปิดมาเพื่อปกป้องมาตรการของปัญหาการว่างงานนั้นเองและก็หนึ่งในทางออกที่ดีเยี่ยมที่สุดซึ่งก็คือการที่เมืองมอบความรู้รวมทั้งความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ที่กำลังไม่มีงานทำเพื่อพัมนาความสามารถทางด้านวิชาชีพให้สำหรับผู้ที่ขาดทักษะทางด้านนี้ซึ่งอาชีพของช่างตัดผมเนี่ยมีความต้องการของตลาดแรงงานสูงมากมายและก็หลักสูตรนั้นมีอีกทั้งแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายและก็มีหลักสูตรที่เสียค่าใช้จ่ายโดยดังนี้ไม่มีการบังคับเพราะว่าขึ้นกับกำลังทรัพย์ของผู้เรียน โดยเรียนกับศูนย์ของเมืองนั้นจะมีศูนย์ฝึกหัดอยู่ทั้งประเทศรับรองได้เลยว่าคนที่สำเร็จการศึกษาไปนั้นจะสามารถนำวิชาความรู้ที่ได้ไปเลี้ยงชีพเลี้ยงตนเองได้อย่างแน่แท้
หลักสูตร 160 ชั่วโมง ใช้เวลาเรียนทั้งปวง 2 เดือน เรียนตั้งแต่วันจันทร์–วันศุกร์
วิชาที่เปิดสอนก็คือ
–แต่งหน้าระดับ 1 ตัดผมสุภาพบุรุษ ระดับ 1
โดยคุณลักษณะของนักศึกษา
–เชื้อชาติไทย –ชายรวมทั้งหญิง อายุ 14 ปีขึ้นไป –สามารถอ่านออกรวมทั้งเขียนได้ –มีพฤติกรรมเป็นระเบียบ –ไม่เป็นโรคติดต่อรุนแรงหรือเปล่าเป็นโรคที่น่าเกลียด
หลักฐานการสมัคร –สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน –ภาพถ่ายขนาด 1-2 นิ้ว ปริมาณ 2 รูป –จำเป็นต้องยื่นเอกสารสำหรับสมัครด้วยตัวเองเพียงแค่นั้น
ดังนี้คนใดกันแน่ที่มีเพียงพอเงินลงทุนสำหรับการเรียนของตนเองที่มากหน่อยก็สามารถเลือกเรียนกับสถาบันเอกชนได้เลย สถาบันเอกชนที่เป็นที่รู้จักสำหรับในการสอนวิชาตัดผม นั้นหาได้อย่างง่ายๆเลยรวมทั้งแต่ละสถาบันก็มีหลักสูตรรวมทั้งความเข้มข้นของหลักสูตรคุณลักษณะเด่นจุดเสียที่แตกต่างไปโดยผู้เรียนก็ควรที่จะเลือกหลักสูตรเลือกข้อดีจุดอ่อนของแต่ละสถาบันตามทักษะของช่างแต่ละคนได้เลย